ถึงแม้ว่า API จะยืดหยุ่นมีประโยชน์จนเราสามารถนำไปใช้งานได้อย่างกว้างขวาง แต่การพัฒนา API ก็มีโอกาศที่จะเกิดหนี้ทางเทคนิก (technical debt) หนี้ทางเทคนิคเป็นคำที่ใช้ในการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่ออธิบายผลที่ตามมาของการใช้ทางลัดหรือการตัดสินใจออกแบบที่ไม่เหมาะสมในระหว่างกระบวนการพัฒนา หนี้ด้านเทคนิคสามารถสะสมเมื่อเวลาผ่านไปและนำไปสู่ปัญหาต่างๆ เช่น ค่าบำรุงรักษาที่เพิ่มขึ้น คุณภาพของซอฟต์แวร์ลดลง ความพึงพอใจของผู้ใช้งานลดลง และเวลาในการพัฒนาช้าลง ในการพัฒนา API หนี้ทางเทคนิคสามารถเกิดขึ้นได้จาก การออกแบบที่ไม่ดีทำให้ใช้งานยาก การมีเอกสารประกอบที่ไม่ดีทำให้เข้าใจยาก การพัฒนาด้วยเทคโนโลยีที่หรือโปรโตคอลที่ล้าสมัย มีการปรับปรุงแก้ไขบ่อยๆแทนที่จะออกแบบใหม่ไปเลย ทดสอบไม่ดีหรือบำรุงรักษาไม่ถูกต้องทำให้มีจุดผิดพลาดหรือช่องโหว่ด้านความปลอดภัย จึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับนักพัฒนา API ในการจัดลำดับความสำคัญของคุณภาพการออกแบบ การจัดทำเอกสาร การทดสอบ และการบำรุงรักษาเพื่อหลีกเลี่ยงการสะสมหนี้ทางเทคนิคเมื่อเวลาผ่านไป
ในกระบวนการออกแบบ API จะเป็นการระดมสมองจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ระบุว่าต้องการสร้างบริการอะไร ประเมินต้นทุนในการสร้างและบำรุงรักษาซึ่งกระบวนการจะวนเวียนแบบนี้ไปเรื่อยๆ ในการออกแบบ API มีหลักการพื้นฐานอยู่หลายอย่าง แต่ในที่นี้จะกล่างถึงหลักการสำคัญ 4 อย่างคือ (1) API ต้องทำงานเพียงอย่างเดียวและต้องทำให้ดี : เช่นถ้าเรามีเมธอด getPaidUsersAndSortByName() ซึ่งจะค้นคืนรายชื่อผู้ใช้ที่มีการชำระเงินและเรียงลำดับตามชื่อ เราสามารถทำให้ API ง่ายขึ้นและทำงานได้ดีขึ้นโดยเปลี่ยนเป็นเมธอด getUsers(isPaid:boolean, sortIndex:number) ซึ่งให้เราระบุสถานะการชำระเงินและดัชนีของข้อมูลที่ใช้ในการเรียงลำดับ (2) API ต้องไม่เปิดเผยข้อมูลภายใน : จากตัวอย่างด้านบนผู้ใช้ API ต้องรู้จักฟิลด์ของข้อมูลเพื่อใช้ในการเรียงลำดับ ดังนั้นเราจะใช้ข้อมูลแบบ enum คือ User.KEY แทนและทำคู่มือให้ผู้ใช้ API ทราบว่าคีย์ใดเป็นการเรียงลำดับตามอะไร และในเมธอดเราก็รับค่า enum ไปดำเนินการต่อ ดังนั้นจะได้เมธอด getUsers(isPaid:boolean, key:User.KEY) (3) API ต้องเล็กที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ : ดังนั้นเราอาจจะมาคิดใหม่ว่า เราจะไม่เรียงลำดับให้แต่เพิ่มข้อมูลที่จำเป็นจากนั้นให้ผู้ใช้ API ไปเรียงลำดับเอาเองตามต้องการ และเราไม่ต้องกังวลกับส่วนของโปรแกรมที่ทำงานเรียงลำดับอีกด้วย ซึ่งจะได้เมธอดเป็น getUsers(isPaid:boolean) (4) API จะต้องง่ายต่อการใช้งาน : ถึงแม้ว่า API จะถูกใช้งานโดยโปรแกรม แต่ผู้ที่เขียนโปรแกรมเพื่อใช้ API คือทีมพัฒนา ดังนั้นเราต้องจัดเตรียมข้อมูลให้ทีมพัฒนาเข้าใจ API และนำไปใช้ได้ง่าย ดังนั้นนอกจากจะบอกวิธีการใช้งานแล้วต้องระบุผลลัพธ์ที่จะๆได้จากการใช้งานด้วย พร้อมทั้งมีตัวอย่างให้ดูทั้งการใช้งานและผลลัพธ์ที่ได้