การติดตั้งลินุกซ์สามารถทำได้ทั้งจากสื่อที่เป็นยูเอสบีหรือแผ่นดีวีดี หรือเพียงแค่ติดตั้งจากไฟล์อิมเมจเล็กๆแล้วดาวน์โหลดส่วนที่เหลือจากเครื่องเซอร์ฟเวอร์หรือจากอินเตอร์เนตก็ได้ โดยในหัวข้อนี้เราจะมาดูว่าตัวติดตั้งของระบบปฏิบัติการลินุกซ์ทำอะไรบ้างในขั้นตอนการติดตั้ง

ดาวน์โหลดตัวติดตั้งจากเว็บไซต์ของแต่ละดิสทริบิวชั่น

     ตัวติดตั้งของลินุกซ์มักจะให้ดาวน์โหลดมาเป็นไฟล์อิมเมจแบบ ISO ซึ่งเราสามารถนำไปเขียนลงแผ่นดีวีดีพื่อใช้ติดตั้งผ่านดีวีดีไดรว์ หรือนำไปเขียนลงในสื่อที่เป็นยูเอสบีเพื่อใช้ติดตั้งผ่านทางสื่อที่เป็นยูเอสบี หรือหากเราใช้แอพพลิเคชั่นในการจำลองเครื่องคอมพิวเตอร์ (VM – virtual machine)  เช่น Virtual Box เราสามารถติดตั้งลินุกซ์ลงในเครื่องจำลองได้เลยจากไฟล์อิมเมจแบบ ISO ที่ดาวน์โหลดมา นอกจากการดาวน์โหลดมาเป็นไฟล์อิมเมจแบบ ISO แล้วเรายังสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมต้นฉบับมาคอมไพล์เองได้ด้วย

ขั้นตอนการติดตั้ง

     ตัวติดตั้งของลินุกซ์จะมาพร้อมกับตัวช่วยในการติดตั้งซึ่งจะกำหนดค่าตั้งต้นมาให้ หรือ สอบถามให้เรากำหนดค่าที่ต้องการ ขั้นตอนหลักๆจะเริ่มจากการจัดสรรพื้นที่ในฮาร์ดดิสก์ จากนั้นจึงสำเนาไฟล์ต่างๆลงไป ตามด้วยการสร้างไฟล์การตั้งค่า (configuration file) ตามค่าตั้งต้นที่กำหนดมาให้หรือตามที่เรากำหนด แล้วจึงบู๊ตระบบเพื่อให้ลินุกซ์ทำงานซึ่งอาจจะมีขั้นตอนการตั้งค่าเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยแล้วจึงเข้าสู่หน้าจอพร้อมใช้งานของแต่ละดิสทริบิวชั่น

การจัดสรรพื้นที่ของฮาร์ดดิสก์

     ในการติดตั้งระบบปฏิบัติการพื้นที่ในฮาร์ดดิสก์จะต้องถูกจัดสรรเพื่อการใช้งานโดยแบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วนๆเรียกว่าพาร์ทิชั่น เราสามารถปล่อยให้ลินุกซ์จัดการเรื่องพาร์ทิชั่นของฮาร์ดิสก์ให้ในขั้นตอนการติดตั้งได้เลย ค่าเบื้องต้นของการกำหนดพาร์ทิชั่นของลินุกซ์คือแบ่งพื้นที่เป็น 2 พาร์ทิชั่น โดยกำหนดพาร์ทิชั่นขนาดใหญ่เพื่อเก็บไฟล์และพาร์ทิชั่นเล็กๆสำหรับใช้ในการทำสวอป (swap) ซึ่งเป็นการใช้พื้นที่ฮาร์ดดิสก์ทำงานร่วมกับหน่วยความจำโดยสลับสิ่งที่ยังไม่ต้องดำเนินการในหน่วยความจำออกมาพักไว้ในฮาร์ดดิสก์ชั่วคราวเพื่อให้หน่วยความจำมีพื้นที่ว่างในการประมวลผลงานอื่นๆ

     เราสามารถปรับเปลี่ยนการแบ่งพาร์ทิชั่นให้เหมาะสมกับการใช้งานของเราได้ แต่ต้องเข้าใจก่อนว่าลินุกซ์เป็นระบบปฏิบัติการที่ปฏิบัติตามมาตรฐาน POSIX ดังนั้นโครงสร้างของระบบแฟ้มข้อมูลจะถูกบังคับให้เป็นไปตามกฏ โดยโครงสร้างจะเริ่มต้นที่ root (/) จากนั้นจึงจะมีไดเร็คทอรี่ต่างๆภายใต้ root เป็นลำดับชั้นลงไป โดยไดเร็คทอรี่ /bin /etc /lib /root /sbin /initrd จะต้องอยู่ที่พาร์ทิชั่นหลัก ส่วนไดเร็คทอรี่ /boot /home /use /tmp /var /opt /misc สามารถแยกออกมาเป็นพาร์ทิชั่นต่างหากได้ วัตถุประสงค์ในการแยกพาร์ทิชั่นมีดังนี้

  • แยก /boot ออกมาเป็นพาร์ทิชั่นต่างหากเพื่อเพิ่มความเร็วในการบู๊ตระบบและสามารถเชื่อมต่อ (mount) แบบอ่านอย่างเดียวเพื่อความปลอดภัย
  • แยก /home ออกมาเป็นพาร์ทิชั่นต่างหากเพื่อความสะดวกในการสำรองข้อมูลและเพื่อความสะดวกในการจำกัดการใช้งานของผู้ใช้งาน
  • แยก /tmp และ /var ออกมาเป็นฮาร์ดิสก์ต่างหากเพื่อป้องกันผล กระทบจากการที่ระบบหยุดทำงานอันเนื่องมาจากพื้นที่ฮาสร์ดดิสก์เต็มจากไฟล์ชั่วคราวจำนวนมากภายใต้ /tmp หรือไฟล์ log จำนวนมากภายใต้ /var และด้วยลักษณะการเขียนไฟล์ชั่วคราวและไฟล์ logค่อนข้างบ่อยจะทำให้ฮาร์ดิสก์เสื่อมเร็วกว่าปรกติจะได้ไม่กระทบกับฮาร์ดิสก์หลัก

ภาพตัวอย่างการแบ่งพาร์ทิชั่นฮาร์ดดิสก์

การติดตั้งระบบแฟ้มข้อมูล

     หลังจากที่แบ่งพาร์ทิชั่นแล้วตัวติดตั้งจะดำเนินการติดตั้งระบบแฟ้มข้อมูลลงในแต่ละพาร์ทิชั่น จากนั้นจึงเชื่อมต่อพาร์ทิชั่นเข้ากับจุดเชื่อมต่อ (mount point) ซึ่งคือไดเร็คทอรี่ที่ถูกสร้างมาเพื่อรองรับการเชื่อมต่อกับพาร์ทิชั่น หลังจากที่เชื่อมต่อแล้วพาร์ทิชั่นจะเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างระบบแฟ้มข้อมูล โดยเราจะมองเห็นเป็นไดเร็คทอรี่หนึ่งในโครงสร้างของระบบแฟ้มข้อมูล เราจะลงรายละเอียดเรื่องโครงสร้างของระบบแฟ้มข้อมูลและการเชื่อมต่อในหัวข้อต่อๆไป

เลือกติดตั้งซอฟต์แวร์ที่ต้องการ

     ลินุกซ์แต่ละดิสทริบิวชั่นจะมาพร้อมกับชุดของซอฟต์แวร์ให้เราสามารถเลือกติดตั้งได้ตามต้องการ เช่น บราวเซอร์ Firefox ชุดแอพพลิเคชั่นสำนักงาน LibreOffice ชุดเครื่องมือในการแก้ไขไฟล์ข้อความอย่าง vi emacs บริการของเซอร์ฟเวอร์ยอดนิยมอย่างเช่น Apache web server บริการเซอร์เวอร์ฐานข้อมูลอย่างเช่น MySQL database หรือเราจะปล่อยให้ระบบติดตั้งแอพพลิเคชั่นตามค่าตั้งต้นที่กำหนดมาก็ได้ 

การกำหนดเรื่องความปลอดภัย

     ในขั้นตอนการติดตั้งลินุกซ์แต่ละดิสทริบิวชั่นจะดำเนินการเรื่องความปลอดภัยในขั้นตอนการติดตั้งเลย เช่น อูบุญตูจะยกเลิกผู้ใช้งานที่เป็น root และให้สร้างชื่อผู้ใช้งานขึ้นมาใหม่โดยให้ใช้งานสิทธิ root ผ่านคำสั่ง sudo บางดิสทริบิวชั่นก็ใช้แนวทางในการรักษาความปลอดภัยเช่น SELinux หรือ AppArmor

การติดตั้งแบบอัตโนมัติ

     เราสามารถทำการติดตั้งแบบอัตโนมัติได้ คือไม่ต้องมีหน้าจอรอให้เราป้อนค่าต่างๆหรือรอเรากดปุ่มเพื่อไปยังขั้นตอนถัดไป โดยเราจะต้องกำหนดเงื่อนไขที่ต้องการต่างๆในไฟล์การตั้งค่า (configuration file) ซึ่งมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปสำหรับแต่ละแฟมิลี่ เช่น แฟมิลี่เฟโดร่าเรียกไฟล์ Kickstart, แฟมิลี่ซูเซ่อเรียก AutoYAST profile ส่วนแฟมิลี่เดเบี้ยนเรียกไฟล์ preseed ซึ่งแต่ละแบบก็มีคู่มือและเครื่องมือในการสร้างและจัดการไฟล์การตั้งค่าที่แตกต่างกันไป

รูปแบบการติดตั้ง

     การติดตั้งลินุกซ์สามารถทำได้ทั้งแบบติดตั้งใหม่โดยลบระบบปฏิบัติการและข้อมูลของเก่าในเครื่องทั้งหมด หรือติดตั้งในแบบเก็บทั้งระบบปฏิบัติการและข้อมูลของเก่าไว้โดยที่ระบบปฏิบัติการเดิมยังสามารถใช้งานได้ หรือติดตั้งในแบบเก็บเฉพาะข้อมูลของเก่าไว้ หรือจะลองเรียกใช้งานจากสื่อการติดตั้งโดยไม่ได้มีการติดตั้งลงในฮาร์ดิสก์จริงๆ หรือติดตั้งโดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์จำลอง (virtuel machine) 

     สรุปคือกระบวนการในการติดตั้งลินุกซ์จะค่อนข้างเหมือนกันในทุกๆดิสทริบิวชั่น โดยหลังจากบู๊ตจากสื่อที่ใช้ในการติดตั้ง ตัวติดตั้งจะถามคำถามเกี่ยวกับการตั้งค่าต่างๆ ถ้าเราใช้ไฟล์การตั้งค่าตามที่กล่าวมาตัวติดตั้งก็จะไม่ถามอะไร หลังจากที่ติดตั้งไฟล์ต่างๆแล้ว เครื่องคอมพิวเตอร์จะรีบู๊ตเพื่อเข้าสู่ระบบที่ติดตั้งไว้ หลังจากนั้นอาจจะมีการถามการตั้งค่าบางอย่างเพิ่มเติมอีกนิดหน่อย และรวมถึงการติดตั้งการอัพเดทซึ่งต้องมีการเชื่อมต่ออินเตอร์เนตไว้